ป้ายกำกับ มอเตอร์ สิ่งสำคัญที่คุณต้องศึกษาก่อนเลือกซื้อ

มอเตอร์

ถ้าหากพูดมอเตอร์เชื่อได้เลยว่าทุก ๆ ท่านจะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าหลาย ๆ ชนิด ล้วนมีมอเตอร์เป็นองค์ประกอบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ของเล่นต่าง ๆ พัดลม รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ อย่างมากมาย ซึ่งมอเตอร์ที่ทุกท่านเห็นกันตามบ้านเรือนต่าง ๆ จะเป็นมอเตอร์แบบธรรมดาทั่ว ๆ ไป ที่สามารถใช้ได้กับไฟบ้าน แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า ยังมีมอเตอร์อีกหลากหลายชนิด ที่สามารถใช้งานได้กับโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ซึ่งมอเตอร์เหล่านั้นจะมีกำลัง และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามอเตอร์ที่ใช้กับบ้านมากขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว 

ทำความรู้จักกับ ป้ายกำกับ มอเตอร์ ก่อนเลือกใช้งาน 

หลาย ๆ ท่านที่เลือกซื้อมอเตอร์จะเห็นได้เลยว่า มอเตอร์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ขนาดเล็ก หรือมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีการจัดจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดทั่ว ๆ ไป จะมีการเขียนแผ่นป้ายกำกับเอาไว้เสมอ ดังนั้นก่อนที่คุณจะเลือกใช้งานมอเตอร์เหล่านี้ ควรจะทำความรู้จักกับรายละเอียดต่าง ๆ บนแผ่นป้ายเหล่านั้น เพื่อที่จะเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้คุณสามารถเลือกมอเตอร์ได้เหมาะสมกับการใช้งานอีกด้วย 

  • Output : หมายถึง กำลังที่มอเตอร์สามารถทำงานได้สูงสุด เมื่อมีการรับโหลดสูงสุด โดยจะมีการบอกเป็นกำลังแรงม้า 
  • Volt : หมายถึงแรงดันไฟฟ้า ที่สามารถใช้ได้กับมอเตอร์ชนิดนี้ ซึ่งจะมีทั้ง 220 ที่ใช้กับไฟบ้าน และ 380 ที่สามารถใช้ได้กับโรงงานอุตสาหกรรม 
  • Amp’s : หมายถึงขนาดของกระแสไฟฟ้าสูงสุด ที่มอเตอร์ตัวนั้น ๆ สามารถทำงานที่พิกัดได้ 
  • R.P.M : หมายถึง ความเร็วรอบสูงสุดที่เพลาขอมอเตอร์ ซึ่งจะมีหน่วยเป็นรอบ/นาที 
  • IP : หมายถึง ระดับการป้องกันของมอเตอร์ ซึ่งระดับนี้จะมีอยู่หลากหลายรูปแบบเป็นอย่างมาก บางรูปแบบจะมีคุณสมบัติช่วยในเรื่องการป้องกันน้ำได้ หรือบางรูปแบบอาจจะสามารถป้องกันได้เพียงแค่ฝุ่นละออง เป็นต้น ดังนั้นการเลือกใช้งานมอเตอร์จะต้องเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับสภาพหน้างาน เพื่อที่จะเลือกซื้อได้อย่างถูกต้อง และหาทางป้องกันเอาไว้ล่วงหน้านั่นเอง 
  • Connection : หมายถึง รูปแบบการต่อสายขั้วมอเตอร์ ซึ่งการต่อสายขั้วของมอเตอร์นี้ จะมีอยู่ทั้งหมด 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ แบบสตาร์ หรือแบบดาว และรูปแบบเดลต้า 

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การเลือกใช้งานมอเตอร์ควรจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน อีกทั้งยังต้องดูสถานที่และสภาพอากาศในที่นั้น ๆ เนื่องจากมอเตอร์บางประเภทไม่เหมาะสำหรับสภาพอากาศบางประเภท ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหาย จึงควรเลือกมอเตอร์ให้เหมาะสมจะดีเสียกว่า เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานอันสูงสุด และเป็นการช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลังได้